
สุขอื่นยิ่งกว่าความสงบไม่มี
แม้การใช้ชีวิตในแต่ละวันจะวุ่นวายซักแค่ไหน เพียงแค่มีใจที่สงบก็มีความสุขได้ แล้วอะไรล่ะที่จะเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อกับความสุขสงบที่อยู่ในตัวของเรา เพราะทุกชีวิตต่างก็เกิดมาพร้อมกับความไม่รู้ ไม่เคยรู้เลยว่าแก่นสารของชีวิตที่เกิดมาคืออะไร ตั้งแต่แรกเกิดมาก็ไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อหรือแม่ ฉะนั้นทุกสิ่งทุกอย่างเราจึงต้องมาเรียนรู้ใหม่ทั้งหมด และแม้เราทุกคนต่างก็อยากมีความสุข จึงแสวงหาความสุข หรือสิ่งที่จะมาเชื่อมต่อกับความสุขที่เที่ยงแท้เรื่อยมา แต่ไม่รู้เลยว่าความสุขที่เที่ยงแท้นั้นมีอยู่จริงไหม มีลักษณะเป็นอย่างไร อยู่ที่ไหน และอะไรที่เป็นตัวเชื่อมความสุขนั้น เมื่อไม่รู้ ไม่เข้าใจ จึงได้ทำไปตามที่เข้าใจ ตามที่ได้ยินได้ฟังมา หรือเข้าใจเอง มีรสนิยมแบบไหน ชอบอะไรก็ไปแสวงหาสิ่งนั้น ถ้าเข้าใจว่า สิ่งที่จะเชื่อมให้ถึงความสุขได้ คือ ทรัพย์สินเงินทอง ก็จะแสวงหาทรัพย์ ถ้าเข้าใจว่า ความสุขอยู่ที่คน ก็จะไปแสวงหาคนจะให้ความสุขกับเราได้ ถ้าเข้าใจว่า อยู่ที่การพนัน อบายมุข ก็จะไปเชื่อมกับสิ่งนั้น ถ้าเข้าใจว่า ความสุขอยู่ในรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ก็จะไปแสวงหา… เมื่อได้สิ่งใดมาแล้วก็ไม่เคยพบเจอกับความสุขจริงๆ เลย เมื่อไม่เจอ ก็เบื่อหน่าย เปลี่ยนแปลง แล้วก็แสวงหากันต่อไป เหมือนนกที่กระโดดจากกิ่งไม้นี้ไปสู่กิ่งไม้โน้นไปเรื่อยๆ แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้และได้ไปเห็นเรื่องราวความเป็นจริงของชีวิตว่า ทุกชีวิตมีกฎแห่งกรรมบังคับอยู่ เพราะการแสวงหาเกิดจากกิเลสในตัวเรา กิเลสทำให้เกิดความทุกข์ มีความเห็นผิด แล้วชีวิตก็ต้องเวียนว่ายตายเกิดกันต่อไป เกิดบ่อยๆ ก็ทุกข์บ่อยๆ และแท้ที่จริงแล้วความสุขสงบ มีอยู่ในตัวเรา เราสามารถมีความสุขด้วยตัวของตัวเอง เป็นความสุขที่ใครๆ ต่างไม่เข้าใจ และนึกไม่ถึงว่าจะมีความสุขชนิดนี้อยู่ สุขที่ไม่ต้องอาศัยดวงตา ดูของสวยๆ งามๆ ชื่นชมธรรมชาติ สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ สุขที่ไม่ต้องอาศัยหูฟัง เสียงคนสรรเสริญชื่นชมเรา หรือฟังเพลงให้เพลินๆ ฟังเสียงคลื่นกระทบฝั่ง สุขที่ไม่ต้องอาศัยจมูก ที่ได้ดมกลิ่นหอมๆ สุขที่ไม่ต้องอาศัยลิ้นที่ลิ้มรส ถ้าได้รสอาหารที่อร่อยๆ สุขที่ไม่ต้องอาศัยกาย ที่จะต้องสัมผัสสิ่งที่นุ่มนวล ความสุขที่นอกเหนือจากสิ่งเหล่านี้ คือ ปิดหู ปิดตา ปิดปาก ปิดทุกอย่าง ยกเว้นจมูกอย่าเพิ่งปิด เอาไว้หายใจ และทำใจหยุดนิ่งๆ สงบ ผ่อนคลาย เข้าไปสู่ภายในด้วย “สมาธิ” จะทำให้เข้าถึงความสุขที่ไม่มีประมาณเลย จิตเราจะเกลี้ยงเกลา จะบริสุทธิ์ จะผ่องแผ้ว และเป็นความสุขที่เราคาดไม่ถึง แม้แต่เรื่องราวในพระไตรปิฎก พระราชาอย่างพระมหากัปปินะ ที่มีพร้อมทุกอย่าง แต่ไม่อาจมีความสุข จนกระทั่งท่านได้ออกบวช และเข้าถึงความสุขภายใน ท่านถึงกับรำพึง ‘สุขจริงหนอ’ ความสุขที่ทุกคนแสวงหาจึงไม่ได้อยู่ที่อื่น ไม่ได้อยู่นอกตัว ไม่ได้อยู่นอกโลก ไม่ได้อยู่นอกจักรวาล แต่อยู่ภายในตัว อยู่ที่ตรงนี้ ด้วยการหลับตาทำสมาธิภาวนา คำว่า ‘ลงตัว’…