Category สาระความสุข

เทคนิคการทำสมาธิที่จะช่วยให้คุณเริ่มต้นได้

ประโยชน์มีมากกว่าสภาวะใจที่สงบ  การทำสมาธิได้รับการแนะนำอย่างกว้างขวางว่าเป็นแนวทางปฏิบัติที่ส่งเสริมสุขภาพ และด้วยเหตุผลที่ดี มีประโยชน์มากมาย ตั้งแต่การลดอาการเครียดไปจนถึงการบรรเทาการร้องเรียนทางกายภาพ เช่น อาการปวดหัว และแม้แต่การเสริมสร้างภูมิคุ้มกันต่อการเจ็บป่วยระหว่างประโยชน์ ต่อสุขภาพและการที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายและใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีก็เข้าใจได้ง่ายว่าทำไมการทำสมาธิจึงกลายเป็นส่วนเสริมที่เป็นที่นิยมสำหรับยาแผนปัจจุบัน เรามีเทคนิคการทำสมาธิเบื้องต้นง่าย ๆ มาฝาก ผ่อนคลาย : การทำให้ร่างกายและใจเรามีความสบายปลอดจากเรื่องกังวลที่ผ่านมา สบาย : นั่งอยู่ในที่ที่เรารู้สึกว่าสบาย รู้สึกว่าพึงพอใจ เอาใจให้มาอยู่กับตัว : ไม่คิดอะไรที่ออกไปไกลตัว ไม่ยึดติดใน คน สัตว์ หรือสิ่งของ ทำใจของเราให้รู้สึกมีความสุข อารมณ์ดี : อารมณ์ที่ดี จะทำให้เรามีใจที่สงบมากขึ้น ทำอะไรก็จะมีความสุข ยิ่งมีอารมณ์ที่ดีทั้งวัน นอกจากเราจะได้รับแล้ว คนรอบข้างก็จะได้รับกระแสแห่งความสุขนี้ด้วย เราพึงระลึกไว้เสมอว่าการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ แม้เพียงแค่ทำจิตใจให้สงบเป็นเวลาไม่กี่นาทีต่อวัน ก็มีประโยชน์มากกว่าการฝึกที่ยาวแต่ไม่บ่อย ในท้ายที่สุด เทคนิคการทำสมาธิที่ดีที่สุดและเทคนิคที่จะช่วยให้คุณได้รับประโยชน์สูงสุดคือเทคนิคที่คุณสามารถยึดถือได้ 

วิถีการใช้ชีวิต และวิธีคิดของ “คนที่มีความสุข”

  หลายคนเมื่อเกิดความรู้สึกว่าตัวองเป็นทุกข์ จะมีมุมมองที่เห็นคนที่มีความสุขกว่า ว่า ทำไมเขามีความสุขจังเลย  ทั้งๆ ที่บ้านก็ไม่ได้รวยมาก ทำไมเขามีความสุขจังเลย  ทั้งๆ ที่หน้าตาก็ไม่ได้สวย ไม่ได้หล่อ รูปร่างก็ไม่ได้ดูดี ทำไมเขามีความสุขจังเลย  ทั้งๆ ที่ไม่มีของดีๆ กิน ทำไมเขาเหล่านั้นจึงมีความสุขได้ยังไง คำตอบคือ เพราะ “ความสุข” ไม่ได้เกิดจากความร่ำรวย รูปร่างหน้าตาดี หน้าที่การงานสูง แต่ความสุขเกิดจากสิ่งที่อยู่ภายในตัวเรา เกิดจากความคิด จิตใจที่ดีงาม คนที่มีความสุขจึงมักทำอะไรแตกต่างจากผู้อื่น หากเราอยากมีความสุขก็ต้องหันกลับมาปรับเปลี่ยนตัวเอง ทั้งวิธีคิด และวิถีการใช้ชีวิตประจำวัน ให้มีสติในการทำสิ่งต่างๆ เพิ่มขึ้น เพื่อจะมีเวลาได้ทบทวนตัวเองอีกครั้ง  ดังนั้นเรามาดูกันว่าคนที่มีความสุขเขาทำอะไร มีวิธีคิด และใช้ชีวิตอย่างไร? ให้เวลาตัวเองในการดูแลใจ ด้วยการฝึกสมาธิ เพราะการฝึกสมาธิเป็นประจำทุกวัน แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ แต่ช่วงเวลาที่เราได้นั่งสมาธินี้แหละ คือช่วงนาทีทอง ที่ช่วยทำให้วันทั้งวันของเรามีความสุขได้ เพราะการมีจิตใจที่ดี มีคุณภาพ ก็เหมือนการที่เราได้สวมเกราะคุ้มกันใจของตัวเอง  แม้มีเรื่องอะไรเข้ามา ทั้งความตึงเครียด ความกังวล อารมณ์ต่างๆ ก็ไม่สามารถทำอะไรใจของเราได้  ต่างจากใจที่ไม่มีสมาธิ ทำให้ความฟุ้งซ่าน อารมณ์ต่างๆ เข้ามาได้ง่าย ทำให้แม้เหตุการณ์เล็กๆ ก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ได้ นอกจากนี้ การทำสมาธิยังช่วยลดความเจ็บปวดทางกาย เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสมองที่ช่วยทำให้เรามีความสุขอีกด้วย คิด พูด ทำ แต่ในเรื่องที่ดี คนที่มีความสุข คือคนที่สามารถควบคุมกาย วาจา ใจ ของตน ให้คิด พูด ทำ แต่ในสิ่งที่ดีหลายคนอาจเข้าใจว่า การจะมีความสุข เราต้องสามารถทำตามใจตัวเอง ไม่ต้องมานั่งระวังว่าสิ่งที่ตัวเองกำลังทำคือสิ่งที่ดี หรือไม่ดี แต่ในความเป็นจริงแล้วนั้น ทุกสิ่งที่เราทำล้วนสะท้อนกลับมาหาเราเสมอ หากเราคิด พูด ทำไม่ดี เราจะดึงดูดแต่สิ่งที่ไม่ดีมาหาเราเช่นกัน   แต่หากเป็นการทำความดี แม้เราจะเห็นว่าเป็นเพียงความดีเล็กน้อย การกระทำของเราอาจเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่ช่วยชโลมจิตใจของอีกคนอยู่ก็เป็นได้  ความดียิ่งทำยิ่งไม่มีวันหมด จึงไม่มีการทำความดีใดที่เป็นเรื่องเล็กน้อยเลย ดั่งคำกล่าวที่ว่า “เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว” มีวินัยในตนเอง คนที่มีความสุขมักจะสามารถบริหารเวลาชีวิตในแต่ละวันได้ลงตัว ทำให้ไม่มีความกังวลกับสิ่งต่างๆ ที่ยังไม่ทำ หรืองานที่คั่งค้าง และมีเวลาเหลือเพื่อทำสิ่งที่ดีๆ ทั้งต่อตนเองและผู้อื่นอีกด้วย เข้าใจและมองเห็นโลกไปตามความเป็นจริง โลกนี้ไม่เคยมีอะไรยั่งยืน ไม่มีอะไรเป็นของเราอย่างแท้จริงเลย ของทุกสิ่งบนโลก แม้แต่ตัวเราสุดท้ายก็ต้องผุพัง แม้ขณะที่เราหายใจอยู่ เซลล์ในร่างกายก็ตายทุกวินาที เพราะทุกสิ่งทุกอย่างคงอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้   แม้เราอยากรั้งมันเอาไว้แค่ไหน เราก็ไม่ใช่ผู้ที่สามารถควบคุมสิ่งต่างๆ ให้ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงได้ เพราะเราไม่ใช่เจ้าของสิ่งเหล่านั้นอย่างแท้จริง แม้แต่ความสุข หรือความทุกข์ สุดท้ายผ่านมาแล้วก็ผ่านไปเช่นกัน เมื่อเข้าใจ และมองเห็นความจริงของโลกเช่นนี้  คนที่มีความสุขจะปล่อยวางได้มากกว่า และไม่เสียเวลาทุกข์กับสิ่งที่เปลี่ยนแปลง เรื่องเล็กๆ…

เริ่มฝึกสมาธิเหมือนการเริ่มวิ่ง เป็นยังไง

  การเริ่มต้นฝึกสมาธิควรเริ่มจากการปรับกายปรับใจให้มีสติกับสบายก่อน  คล้ายกับนักวิ่งที่ต้องวอร์มร่างกายก่อนออกวิ่งทุกครั้ง  การเตรียมกายและใจให้พร้อมย่อมทำให้ผลการวิ่งดียิ่งขึ้นกว่าเดิมและยังเป็นการป้องกันการบาดเจ็บของกล้ามเนื้ออีกด้วย   การฝึกสมาธิก็เช่นเดียวกัน ถ้าเราปรับกายปรับใจให้พร้อมก่อนนั่ง  ก็จะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น  ขั้นตอนง่ายๆก่อนเริ่มนั่งสมาธิ   โดยขั้นตอนแรก ให้เริ่มจากการตัดความกังวล เคลียร์ภารกิจที่คั่งค้าง หากิจกรรมที่ผ่อนคลายอารมณ์  ที่ทำให้รู้สึกสบายทั้งร่างกายและจิตใจ ทำให้ใจเย็น ไม่รีบเร่ง เช่น อาบน้ำ ล้างหน้า ยืดเหยียดร่างกาย ดื่มน้ำอุ่น แล้วหาที่เงียบๆ อากาศปลอดโปร่ง เมื่อได้ความรู้สึกที่สบาย ไม่กังวลสิ่งใด แสดงว่ามีความพร้อมที่จะเริ่มนั่งสมาธิแล้ว ขั้นตอนที่ 2 ให้นั่งในท่าที่รู้สึกสบาย ผ่อนคลาย เหมือนเรามานั่งพักผ่อน จะนั่งขัดสมาธิ หรือนั่งห้อยขาก็ได้ ขั้นตอนที่ 3 ค่อยๆ หลับตาลงอย่างสบายๆ คล้ายกับตอนที่เราใกล้จะหลับ ไม่เกร็งกล้ามเนื้อบนใบหน้า ขั้นตอนที่ 4 ผ่อนคลายกล้ามเนื้อทุกส่วน ตั้งแต่ศีรษะไปจนถึงปลายเท้า ขั้นตอนที่ 5 สูดลมหายใจเข้า – ออก ลึกๆ ช้าๆ ยาวๆ 3 – 5 ครั้ง ขั้นตอนที่ 6 อมยิ้ม ทำความรู้สึกว่าเราเป็นผู้ที่มีความสุขที่สุดในโลก ลืมเรื่องราวความทุกข์ ความเครียด ความกังวลที่มีทั้งหมด ขั้นตอนที่ 7 จินตนาการว่ากำลังนั่งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ  ที่ทำให้เรารู้สึกปลอดภัย  ปลอดจากความกังวลต่างๆ อาจจะเป็นยอดเขา ป่า ทะเล หรือกลางอวกาศ ทิ้งความคิด ความกังวล ความคาดหวัง ออกไปให้หมด แล้วนั่งผ่อนคลายสบายๆ ปล่อยให้เวลาผ่านไปอย่างใจเย็น ๆ ให้เป็นธรรมชาติ   ในช่วงเริ่มต้น ใจอาจยังไม่นิ่งมาก หรือยังนิ่งได้ไม่นานก็ไม่เป็นไร แค่นั่งแล้วรู้สึกดี ผ่อนคลาย ก็เพียงพอแล้ว อย่าไปเร่งรีบ อยากให้ใจนิ่งเร็วๆ เพราะจะยิ่งทำให้ใจไม่สงบ ฉะนั้นสิ่งสำคัญคือ ต้องใจเย็นๆ   แค่กายสบาย ใจสบาย ก็ง่ายนิดเดียว   เพราะสมาธิเหมือนการฝึกวิ่ง ร่างกายที่พร้อมจะช่วยให้วิ่งระยะยาวได้ดีและนานขึ้น จนประสบความสำเร็จ ไปสู่จุดหมายปลายทางได้ และหากเรามีเพื่อนร่วมทางที่พร้อมจะวิ่งไปด้วยกันในทุกๆ วัน เวลาเหนื่อย ท้อ หรือหมดกำลังใจ มองซ้าย มองขวา ก็ยังมีเพื่อนอยู่ข้างๆ คอยให้กำลังใจกัน ถ้าคุณกำลังมองหาสิ่งเหล่านั้น เราขอแนะนำให้คุณมาลองเข้าร่วมคอร์สสมาธิฉบับจับมือทำ ที่จะทำให้ทุกวันเป็นวันที่สดใส มีเพื่อนร่วมเดินบนเส้นทางสมาธิ ที่ง่ายแสนง่ายนี้ไปจนถึงปลายทาง 

หลัก 3 ส ดูแลกายและใจในสถานการณ์โควิด-19

  สถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในประเทศไทยตอนนี้นับว่ามีความรุนแรงและอยู่ในภาวะวิกฤต จำนวนผู้ติดเชื้อพุ่งสูงจนหลายคนหวั่นวิตกและกลายเป็นความหวาดระแวง ในอีกด้านก็มีการจำกัดทั้งในด้านการเดินทางและการใช้ชีวิตประจำวันเพื่อป้องกันปัญหาการแพร่ระบาด จนอาจจะทำให้หลายๆ คนเกิดความเครียด และกังวลต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจนสุดท้ายอาจจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพกายและใจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้จะรู้ว่าความเครียดมีผลกระทบอย่างไร แต่บางครั้งก็จัดการความเครียดได้ยาก    วันนี้ เราจึงมีเคล็ดลับง่ายๆ ในการดูแลและเยียวยาตัวเองตามหลักพุทธศาสนาโดยยึดหลัก 3 ส. หรือ สสส ซึ่งประกอบไปด้วย ส ตัวที่ 1 ได้แก่ สติ   สติในทางพุทธศาสนา คือการระลึก รู้สึกตัว โดยพยายามให้มีสติระลึกรู้โดยเฉพาะใน 4 เรื่องต่อไปคือ – มีสติระลึกรู้ในทุกการกระทำ ใส่หน้ากากให้ถูกวิธี หมั่นล้างมือ เว้นระยะห่าง หากจำเป็นต้องมีการเดินทางไปไหนหรือหากจำเป็นต้องอยู่ร่วมกับผู้อื่น ขอให้ระมัดระวังทั้งในแง่การเป็นผู้รับและผู้ให้ คือ การรับเชื้อและแพร่เชื้อให้แก่ผู้อื่น รวมถึงการและปฏิบัติตามคำแนะนำต่างๆ อย่างเคร่งครัด -มีสติเมื่อได้รับข่าวสาร ก่อนจะเชื่อ หรือเผยแพร่ต่อ ขอให้ตรวจสอบที่มาและเช็คข้อมูลว่าเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง และมีที่มาที่น่าเชื่อถือ โดยขอให้ยึดหลักกาลามสูตร คือ พิจารณาและใช้วิจารณญาณของตนเองอย่างรอบคอบ ไม่เชื่ออะไรง่ายๆ สรุปสั้นๆ คือ เช็คก่อนเชื่อ ชัวร์ก่อนแชร์ -มีสติในการแก้ปัญหา เมื่อเจอปัญหาให้ตั้งสติ ไม่ตื่นตระหนกเมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่คาดไม่ถึง ไม่ว่าจะปัญหาเศรษฐกิจ งาน เงินหรือ ปัญหาโรคระบาด หลายครั้งที่ปัญหาถาโถมเรามาทุกด้าน เปรียบเหมือนเรากำลังเจอพายุใหญ่ เราอาจจะคิดว่าไม่มีแสงสว่างในพายุ แต่สติจะทำให้เราวางท่าทีและจัดการปัญหาต่างๆได้ หรือแม้จะยังทำอะไรไม่ได้ แต่สติจะช่วยให้เราสามารถอดทนรอให้พายุนั้นผ่านพ้น หรือสงบพอที่จะมองหาแสงสว่างท่ามกลางความมืดมิดนั้นได้ – มีสติในการดูแลตัวเอง หลายครั้งความวิตกกังวลทำให้เราทำทุกอย่างเกินเลย ไม่ยึดหลักทางสายกลาง เช่น พอทราบว่าฟ้าทะลายโจรมีสรรพคุณช่วยต้านโควิด บางคนก็ทานมากเกินไปจนป่วย หรือกักตุนสะสมสิ่งของที่จำเป็น เช่น หน้ากากอนามัย แอลกอฮอล์ เครื่องวัดออกซิเจน จนเกิดภาวะขาดแคลน ก่อให้เกิดผลกระทบทั้งต่อตนเองและส่วนรวม สติในการดูแลตัวเอง โดยตระหนักถึงส่วนรวมและบนพื้นฐานข้อมูลที่ถูกต้องจึงจำเป็นอย่างยิ่งในยามวิกฤติเช่นนี้ ส ตัวที่ 2 ได้แก่ สมาธิ   สมาธิ แปลว่า ความตั้งมั่นของจิต หรือภาวะที่จิตแน่วแน่ต่อสิ่งที่กำหนด หรือการที่จิตกำหนดแน่วแน่อยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ไม่ฟุ้งซ่าน เป็นวิธีการที่เหมาะกับสถานการณ์โรคระบาด เพื่อให้ทุกคนได้ฝึกปฏิบัติ เพื่อให้จิตใจได้ผ่อนคลายจากความเครียด และความกังวลใจที่มี   การฝึกสมาธิ เป็นวิธีการที่สำคัญที่จะนำไปสู่การแก้ไขปัญหา และนำไปสู่การพ้นจากความทุกข์ได้อย่างแท้จริง ดังจะพบว่าปัจจุบัน ผู้คนในสังคมต่างๆ โดยเฉพาะในสังคมของประเทศตะวันตก เริ่มให้ความสนใจกับการฝึกสมาธิกันแพร่หลายมากขึ้น และการรับรู้ลมหายใจของตนเอง ซึ่งการฝึกควบคุมลมหายใจ รวมถึงการฝึกดูและรับรู้ลมหายใจของตนเองนั้นนอกจากจะทำให้มีสติมากขึ้นแล้ว ยังเกิดประโยชน์ทั้งต่อสุขภาพกายและสุขภาพใจ ช่วยเสริมสร้างสุขภาพปอด และการฝึกสมาธิยังช่วยให้การทำงานของสมองดีขึ้น ช่วยลดความกังวล ความเครียด ที่สำคัญจะช่วยให้เราสามารถควบคุมอารมณ์ ส่งผลให้เราสามารถจัดการปัญหาต่างๆได้ดีขึ้นด้วย…

“สมาธิสั้น” แก้ได้ด้วย “สมาธิ”

         ปัจจุบันมีการพูดถึงโรคสมาธิสั้นมากขึ้น โรคสมาธิสั้นคืออาการของคนที่มีสมาธิในการทำเรื่องใดเรื่องหนึ่งอยู่ได้ไม่นาน เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา จนบางทีตัวเองก็ไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งมักจะพบในวัยเด็กแต่พอโตเป็นผู้ใหญ่แล้วอาการโรคนี้ส่วนใหญ่มักจะลดลง แต่ก็มีบ้างในบางคนที่แม้แต่เป็นผู้ใหญ่แล้วก็ยังเป็นโรคสมาธิสั้นอยู่ แล้วทำไมในช่วงนี้จึงพบอาการของโรคสมาธิสั้นมากขึ้น โรคสมาธิสั้นมีที่มาจาก 2 สาเหตุนั่นคือ 1.ลักษณะทางพันธุกรรมไม่เหมือนคนอื่น อาจจะเกิดจากลักษณะของสมอง     ลักษณะของสารจากเซลล์ประสาทการหมุนเวียนของเลือด แรงขับของหัวใจ ฮอร์โมนไม่เหมือนคนอื่น ทำให้มีแนวโน้มที่จะมีสมาธิสั้น 2.เกิดจากสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนไปในยุคปัจจุบันที่มีสิ่งเร้า มากระตุ้นมากขึ้น หลังจากที่เทคโนโลยีมีการพัฒนามากขึ้นสิ่งเร้ารอบตัวมีเพิ่มมากขึ้น     แม้กระทั่งหนังสือพิมพ์ซึ่งถือเป็นสื่อที่เข้าถึงคนส่วนใหญ่ของประเทศยังพบว่าคอลัมน์นิสต์ที่เขียนเรื่องราวในคอลัมน์ต่างๆยังต้องปรับวิธีการเขียนใหม่ถ้าเขียนย่อหน้าหนึ่งยาว 10-20 บรรทัดคนจะเริ่มขี้เกียจอ่าน   เขาจึงเปลี่ยนวิธีการเขียนเป็นย่อหน้าละสองถึงสามบรรทัดเพราะว่าคนส่วนใหญ่คุ้นเคยกับการอ่านสั้นๆแล้วก็เปลี่ยนเรื่อง ยิ่งกว่านั้นพอมีเครื่องเล่นเทป มีอินเตอร์เน็ต เข้ามาอำนวยความสะดวกสะบายในการดำเนินชีวิต   เราพบว่าคนจำนวนไม่น้อย ทำงานไปด้วยเปิดเพลงไปด้วย เปิดโทรทัศน์ไปด้วยบางทีก็เปิดคอมพิวเตอร์เปิดอินเตอร์เน็ตไปด้วย   ใจเดี๋ยวก็คิดเรื่องงานเดี๋ยวก็ไปสนใจเพลง เดี๋ยวก็แวะไปดูอินเตอร์เน็ตนี่คือผลของการที่มีสิ่งแวดล้อมเปลี่ยนแปลง   จึงทำให้คนมีแนวโน้มจะเป็นคนสมาธิสั้นมากขึ้นพอเรารู้สาเหตุอย่างนี้ก็จะแก้ได้ง่ายขึ้นด้วยการแก้ที่ต้อง เริ่มจากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในชีวิตประจำวันก่อน มาเรียนรู้วิธีแก้โรคสมาธิสั้นกัน …จัดสิ่งรอบตัวเราให้เป็นระบบระเบียบเพราะเมื่อจัดสิ่งของให้เป็นระเบียบแล้วความคิดของเรากว่าจะเป็นระเบียบไปด้วย …วางแผนจัดตารางเวลาและพยายามทำตามแผนที่วางไว้ …พยายามหาที่ทำงานเงียบเงียบเพราะจะทำให้มีสมาธิจดจ่อการทำงานชิ้นนั้นๆโดยไม่มีใครเข้ามารบกวนบ่อยๆ …หาเวลาอ่านหนังสือเรื่องยาวจะทำให้เราได้จดจอเรื่องเดียวนานๆ …หาเวลาออกกำลังกายเพราะการออกกำลังกายจะทำให้สมดุลย์ของร่างกายดีขึ้นเป็นการแก้สมาธิสั้นที่มีสาเหตุจากร่างกายด้วย …อย่าอดนอนเพราะว่าการอดนอนจะทำให้รู้สึ สติไม่ค่อยดี ไม่มีสมาธิ ถึงคราวจะควบคุมตัวเองก็จะควบคุมได้ไม่เต็มที่หลับให้เต็มอิ่มทุกวันดีกว่า    เมื่อเราออกกำลังกายจัดตารางเวลาชีวิตจากสิ่งแวดล้อมรอบตัวให้ดีแล้วแนวโน้มสมาธิสั้นนั้นก็สามารถแก้ไขได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งอย่าลืมนั่งสมาธิควบคู่ไปด้วย ก็จะทำให้เราได้ฝึกสติเมื่อเอาใจจดจ่อนิ่งๆเป็นสมาธิอย่างต่อเนื่องถือเป็นวิธีแก้สมาธิสั้นโดยตรงที่ดีที่สุด    วิธีข้างต้นถือเป็นวิธีการแก้ทางอ้อม แต่ถ้าคนสมาธิสั้นอยู่ๆ ให้มานั่งสมาธินานๆ เลย บางคนนั่งไม่ลงมันจะกระสับกระส่ายทนไม่ไหวให้ค่อยค่อยเริ่มทำทีละนิดอาศัยการสวดมนต์ร่วมด้วยพอเริ่มคุ้นอาการสมาธิสั้นก็จากค่อยๆ ลดลงอยู่ในเกณฑ์ที่เราสามารถควบคุมได้   เมื่อเป็นโรคสมาธิสั้นอย่าไปกังวลเกินเหตุให้ฝึกจดจ่อทำทีละเรื่อง ฝึกสมาธิควบคุมในชีวิตประจำวันต่อให้เราเป็นโรคสมาธิสั้นที่เกิดจากร่างกาย จากพันธุกรรม ก็จะสามารถแก้ไขให้ทุเลาเบาบางอยู่ในเกณฑ์ที่สามารถทำงานได้อย่างเหมาะกับนิสัยของตน แล้วสร้างสรรค์สิ่งที่เป็นประโยชน์ให้เกิดขึ้นกับตัวของเราครอบครัวได้เช่นกัน      สมาธิถือได้ว่ามีส่วนในการทำให้ สมาธิสั้นนั้นให้ดีขึ้นได้ แล้วถ้ายิ่งมีการฝึก และเรียนรู้เกี่ยวกับการนั่งสมาธิ ที่สามารถทำได้อย่างสบายๆ ผ่อนคลายแล้วละก็ สมาธิสั้น ก็จะยิ่งถูกพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นได้อย่างรวดเร็วเลยทีเดียว

เมื่อใจใส ใจสบาย ทำอะไรก็สำเร็จ

      ทุกๆวันเราพบเจอสิ่งต่างๆมามากมายตั้งแต่ตื่นนอนจนเข้านอนทำให้อารมณ์ของเรานั้นแปรปรวนและก็ทำให้ใจของเราจึงไม่ได้รับการพักผ่อนการพักผ่อนของใจมีหลายวิธีแต่จะมีวิธีใดที่จะทำให้ใจของเราผ่องใสสมาธิจึงเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการทำให้ใจของเราใสมากยิ่งขึ้นเราอาจจะสงสัยใจใสใจสบาย คืออะไร แล้วทำอย่างไร และสมาธิ ช่วยได้อย่างไร ใจใสใจสบาย     คำว่า ใจใส นั่นหมายถึง ใจที่มีความผ่อง ไม่ขุ่นมัว คือไม่ขุ่นมัวเศร้าหมอง ไม่มีอารมณ์ที่หงุดหงิด คือใจที่มีสมาธิ เช่น จะชอบคิดแต่เรื่องดีๆ ชอบพูดแต่เรื่องดีๆ ชอบทำแต่สิ่งดีๆ แล้วก็มีความสุขสบายใจเบิกบาน นี้คืออาการของใจใส       ส่วนคำว่า ใจสบาย คือใจที่ไร้กังวลปลอดจากเรื่องต่างๆที่จะมาคอยเหนี่ยวรั้งใจให้ไม่ผ่องใส เช่น เมื่อมีปัญหาอุปสรรคใดๆ ก็ไม่ได้เครียดวิตกกังวลใจไปกับปัญหาเหล่านั้น แต่ใช้ใจที่สงบเย็น ประคองสติและสมาธิ และปัญหาต่างๆก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี เมื่อใจสบายแล้ว ใจก็จะใสสว่าง เป็นสมาธิอย่างต่อเนื่องเพราะไม่มีอะไรมาเหนี่ยวรั้งใจได้ ทั้งหมดนี้ก็สมดังคำว่า  “เมื่อใจใสใจสบาย ทำอะไรก็สำเร็จ” แล้วทำอย่างไรให้ใจใส?      การจะทำให้ใจของเรา ใส นั้น ก็มีวิธีง่ายที่นำมาแนะนำ 2 วิธีง่ายๆ วิธีแรก ขอยกตัวอย่างมีแก้วน้ำอยู่ใบหนึ่ง ใส่น้ำที่มีฝุ่นดินลงไป ถ้าเราเขย่าหรือทำให้ภาชนะนั้นไม่อยู่นิ่ง น้ำก็ย่อมขุ่น จะมองอะไรที่ก้นภาชนะก็เห็นได้ไม่ชัดเจน แต่ถ้าเราตั้งภาชนะไว้นิ่งๆ ไม่ช้าไม่นาน ฝุ่นดินโคลนต่างๆก็ตกตะกอนนอนก้น น้ำก็ใสสามารถมองทะลุไปถึงก้นภาชนะได้เลยทีเดียว    ใจคนเราก็เหมือนกับน้ำ เรื่องขุ่นมั่วหมองใจทั้งหลายก็เหมือนกับดินฝุ่นโคลนตม ถ้าใจของเราขุ่นอยู่ก็เหมือนกับน้ำขุ่น วิธีทำให้ใจใส ก็คือ “ทำใจให้นิ่งๆ” นั้นก็คือ การทำใจของเราให้มีสมาธิ เพราะสมาธิเป็นวิธีที่ดีที่สุด ที่จะทำให้เรื่องขุ่นมัวทั้งหลายก็จะตกตะกอน และใจของเราก็จะใสสว่างได้อย่างง่ายๆ      ส่วนวิธีที่สองที่ทำให้ใจใสได้อีกก็คือ “การทำใจของเราให้มีความสุข คิดแต่สิ่งดีๆ” เพราะทันทีที่เรานึกถึงสิ่งดีๆ ใจจะมีความสุขนั้น พอใจเรามีความสุข ความสุข ก็จะส่งผลให้ใจค่อยๆใสสะอาด เรื่องหมองๆขุ่นมัวก็จะหายไปจากใจของเรา  ประโยชน์ของการมีใจใส     เมื่อใจใสก็เหมือนน้ำที่ใส น้ำที่ใสเราเห็นได้ทุกสิ่งทุกอย่าง น้ำขุ่นอาจมองไม่เห็นบางเรื่องบางอย่าง ใจที่ขุ่นก็มองไม่เห็นในบางเรื่องบางอย่างเช่นกัน  ใจใสเห็นทุกปัญหา เมื่อเห็นปัญหาก็แก้ปัญหาได้ตรงประเด็น ช่วยให้แก้ปัญหาได้ง่ายขึ้น 1)  สะอาด => พอใจ =>สบายใจ => มีความสุข => ใจผ่องใส 2)  สะอาด => พอใจ =>สบายใจ => มีความสุข => ใจนิ่ง(ทำสมาธิ) => ใจใสแจ๋ว     ที่ใดสะอาด ใจของเราก็จะสบายๆ ใจเย็นๆ โดยอัตโนมัติเป็นที่มาของคำว่า “ใจใส” หรือ “จิตใจผ่องใส”…

“สมาธิเปลี่ยนชีวิตของผม”

วันนี้เรามีบทความสัมภาษณ์ ของ ฮิวจ์ แจ็คแมน ดารานักแสดงชื่อดังที่นำสมาธิมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันของเขา จนเกิดผลลัพธ์ที่ดีกับเขาและครอบครัวของเขาเอง จากการให้สัมภาษณ์กับ UK edition หนังสือพิมพ์ ฮัฟฟิงก์ตัน (Huffington) เขาได้พูดคุยถึงเรื่องราวของการฝึกสมาธิที่อยู่บนความเป็นส่วนตัวและอาชีพของเขา ซึ่งฮิวจ์ แจ็คแมนได้พูดว่า: “สมาธิเปลี่ยนชีวิตผม ทำให้ผมสงบและมีความสุข สมาธิให้ความเงียบและสุขสงบกับผมในชีวิตที่สับสนวุ่นวาย” “สมาธิ” คือเคล็ดลับความสำเร็จในชีวิตคู่ตลอด 21 ปี ของฮิวจ์ แจ็คแมน ดาราชื่อดังนิสัยดีแห่งฮอลลีวูด    ฮิวจ์ แจ็คแมน ได้รับการยอมรับว่าเป็นคนดังนิสัยดีของฮอลลีวูด ใช้ชีวิตคู่กับภรรยาคนเดียวมายาวนานโดดเด่น ในฮอลลีวูด เป็นคุณพ่อที่น่ารักมากของลูกๆ ภาพที่ปาปารัสซี่ถ่ายมา กว่า80% ล้วนเป็นภาพที่เขาใช้เวลากับลูกและภรรยา        ฮิวจ์เคยรับบทเป็น วูล์ฟเวอรีน ใน X-Men ซึ่งทำรายได้มหาศาล เขานั่งสมาธิมาเป็นเวลา20 กว่าปีแล้ว เมื่อต้นเดือนมิถุนายน 2560 ที่ผ่านมา ในงานอีเว้นท์ที่อเมริกา นิตยสารพีเพิล ได้ถามเขาว่า เคล็ดลับในการครองคู่ที่ยาวนานมั่นคงกับภรรยามา21ปีคืออะไร  เขาตอบสั้นๆง่ายๆว่า “สมาธิ”  โดย เด็บบอร์ร่า-ลี เฟอร์เนส ภรรยาของแจ็คแมน ซึ่งเป็นดารานักแสดงเหมือนกันได้เล่าว่า “ เรานั่งสมาธิด้วยกัน …และบางครั้งก็มีเพื่อนๆของเราแวะมาหาเพื่อที่จะนั่งสมาธิกับเราด้วย เป็นเช้าวันอาทิตย์ที่น่ารักมากของพวกเราที่ได้นั่งสมาธิด้วยกันกับเพื่อนๆ แล้วก็กินอาหารเช้ากัน”  ฮิวจ์ แจ็คแมน เขาเป็นคนหนึ่งที่ใช้วิธีนั่งสมาธิเป็นประจำเพื่อการผ่อนคลายและเพิ่มความสุขให้ชีวิต  “สมาธิเปลี่ยนชีวิตผม ทำให้ผมสงบและมีความสุข สมาธิให้ความเงียบและสุขสงบกับผมในชีวิตที่สับสนวุ่นวาย” พระเอกคนดังเคยให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Men’s Health อีกด้วยว่าการนั่งสมาธิช่วยเปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาอย่างเห็นได้ชัด “การนั่งสมาธิช่วยฝึกจิตใจ ทำให้สถานะทางด้านอารมณ์ของผมมีความเป็นธรรมชาติมากที่สุดลดการปรุงแต่งอารมณ์ลงได้   พอผมได้ลองทำดูแล้วก็พอจะเข้าใจว่าทำไมบางคนถึงต้องนั่งสมาธิ ก่อนสวดมนต์ สำหรับผมแล้วการนั่งสมาธิหมายถึงการวางทุกสิ่งทุกอย่างลง เป็นความรู้สึกเหมือนกับได้กลับไปบ้าน นั่นคือความรู้สึกของการผ่อนคลายอย่างแท้จริง   การนั่งสมาธิช่วยทำให้จิตใจสงบ  เป็นเรื่องดีเพราะว่าเราไม่รู้ตัวล่วงหน้ามาก่อนว่าในแต่ละวันจะพบเจอกับสถานการณ์อะไรในชีวิตประจำวันบ้าง  การฝึกสมาธิจะทำให้เรามีจิตใจที่นิ่งสงบ บังเกิดสันติขึ้นในใจ จนเราสามารถรับมือกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าได้เป็นอย่างดี ผมคิดว่านี่คือวิถีทางอันทรงพลังมากที่สุดซึ่งจะช่วยให้เรารับมือกับสิ่งที่อยู่รอบตัวได้ดี ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเล็กหรือใหญ่ก็ตาม”   และเมื่อถูกถามว่าเขาสามารถมีเวลาว่างได้อย่างไร?  สำหรับการฝึกสมาธิท่ามกลางชีวิตที่ยุ่งมากอย่างเขา ฮิวจ์ แจ็คแมนตอบว่า  “ทุกๆคนต้องอาบน้ำทุกวัน และเราไม่บ่นเกี่ยวกับมัน เราทำมันนอกเหนือระเบียบวินัย มันจะมีข้ออ้างเสมอที่จะไม่ฝึกสมาธิ…. ตัวตนนั้นจะพูดว่า‘นี่นาย นายไม่จำเป็นต้องฝึกสมาธิหรอก นายมีภารกิจยุ่งมากมายจริงๆ แล้วลูกๆของนายล่ะ? แต่ผมจะพูดได้หรือว่า ผมไม่สามารถอาบน้ำได้เพราะว่าผมต้องมีเวลาสำหรับลูกๆ? มันไม่ใช่” และนี้ก็เป็นการให้สัมภาษณ์ของฮิวจ์ แจ็คแมน ว่าสมาธินั้นเปลี่ยนชีวิตของเขาอย่างไร และเขาก็ทำเสมือนว่าสมาธิก็เหมือนสิ่งที่เราจะต้องทำทุกวัน จนกลายเป็นกิจวัตรของชีวิต

สมาธิ คืออะไร?

สมาธิ เป็นเรื่องสากล เพื่อความสงบ สบาย และความรู้สึกเป็นสุข ที่มนุษย์สามารถสร้างขึ้นได้ด้วยตนเอง      เมื่อพูดถึงสมาธิ ต้องเข้าใจก่อนว่า สมาธิมิใช่เรื่องของฤๅษีชีไพร หรือมิใช่เป็นเรื่องที่ประพฤติปฏิบัติได้เฉพาะผู้ที่เป็นนักบวชเท่านั้น แต่สมาธิเป็นเรื่องของการฝึกฝนอบรมจิตใจ และเป็นการพัฒนาจิตใจให้มีความมั่นคง ตั้งมั่น และทำให้มีคุณภาพทางจิตใจที่ดีขึ้น ซึ่งในทางพระพุทธศาสนานั้น สมาธิสามารถประพฤติปฏิบัติได้ ทั้งเพื่อประโยชน์ต่อความมีชีวิตที่อยู่เป็นสุขในเพศภาวะของผู้ที่ยังครองเรือน และยังเป็นการปฏิบัติเพื่อนำไปสู่ความหลุดพ้นสำหรับผู้ที่เป็นนักบวชอีกด้วย    แต่อย่างไรก็ตาม สมาธิ ถือเป็นเรื่องสากล คือ มิใช่เฉพาะผู้ที่นับถือศาสนาพุทธเท่านั้นที่จะสามารถปฏิบัติสมาธิได้ แม้ผู้ที่นับถือศาสนาอื่นก็สามารถปฏิบัติสมาธิได้เช่นเดียวกัน ทั้งนี้ การฝึกสมาธิจะเน้นให้ความสำคัญของการลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง เพราะนอกจากจะทำให้ผู้ปฏิบัติเห็นผลด้วยตนเองแล้ว หากมีข้อสงสัยในเชิงปฏิบัติ ก็สามารถที่จะสอบถามจากผู้รู้ผู้ชำนาญได้อย่างตรงเป้าหมาย หรือตรงต่อประสบการณ์ที่ตนเองได้ปฏิบัติมา และถึงแม้จะมีการอธิบายรายละเอียดความรู้ของสมาธิในเชิงทฤษฎี แต่กระนั้นก็มิอาจที่จะละเลยสมาธิในเชิงปฏิบัติได้ ความหมายของสมาธิ      การอธิบายความหมายของสมาธิ สามารถอธิบายได้ทั้งในเชิงลักษณะผลของสมาธิที่เกิดขึ้น และอธิบายในลักษณะในเชิงการปฏิบัติ เช่น สมาธิ คือ ความสงบ สบาย และความรู้สึกเป็นสุขอย่างยิ่งที่มนุษย์สามารถสร้างขึ้นได้ด้วยตนเอง เป็นสิ่งที่พระพุทธศาสนากำหนดเอาไว้เป็นข้อควรปฏิบัติ เพื่อการดำรงชีวิตประจำวันอย่างเป็นสุข ไม่ประมาท เต็มไปด้วยสติสัมปชัญญะ และปัญญา อันเป็นเรื่องไม่เหลือวิสัย ทุกคนสามารถปฏิบัติได้ง่ายๆ ทำไมคนเราต้องมีสมาธิ?   เหตุที่คนเราต้องมีสมาธิก็เพราะต้องทำใจให้สงบเมื่อใจสงบก็สามารถพิจารณาสิ่งต่าง ๆ ได้ชัดเจนขึ้น ต่างจากคนที่ใจไม่สงบ จะคิดทำอะไรก็เป็นไปได้ยาก เหมือนเวลามองสิ่งใด การมองด้วยตาที่ใสสะอาดกับตาที่มืดมัวความชัดเจนมันแตกต่างกัน เพราะฉะนั้นจึงต้องทำให้ใจสงบเสียก่อนจึงจะนำไปสู่ปัญญาได้        การทำใจให้สงบมีมากมาย เราสามารถฝึกสมาธิได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่ว่าจะเป็นการนั่ง นอน ยืน เดิน หรืออะไรก็ตามเราก็สามารถทำสมาธิให้ใจสงบได้       เพราะฉะนั้นการฝึกสมาธิก็จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป สมาธิยังช่วยเราเราให้มีกำลังใจ มีพลังในการแก้ไขปัญหา และรู้จักการใช้ชีวิตให้มีความสุขได้เช่นกัน

สมาธิมีประโยชน์ต่อผิวของคุณอย่างไร

      ผิวหนังเป็นผู้สื่อสารที่ยอดเยี่ยมซึ่งมักจะเปิดเผยอารมณ์ที่ไม่ได้พูดของเราให้โลกรู้ ใบหน้าของเราเปลี่ยนเป็นสีชมพูด้วยความเขินอายหรือขาวด้วยความกลัว ผิวอาจดูซีด แห้ง หรือดูแก่ขึ้นในชั่วข้ามคืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่ยากลำบาก       การทำสมาธิเป็นประจำจึงเป็นกุญแจสำคัญในการทำให้กระจ่างขึ้นเพราะมันทำให้เราต้องจัดการกับอาการพื้นฐานที่ทำให้เกิดปัญหาผิว การทำสมาธิช่วยลดความเครียด ปฏิบัติตามระบบการดูแลผิวที่ใส่ใจและดีต่อสุขภาพ       การทำสมาธิพูดถึงปัญหาพื้นฐานที่สร้างปัญหาผิวตั้งแต่แรก การวิจัยสาขาใหม่ที่เรียกว่า psychodermatology ศึกษาปฏิสัมพันธ์ระหว่างจิตใจและผิวหนัง โดยดูที่ผลกระทบของอารมณ์ต่อผิวหนังตลอดจนความผิดปกติที่มีอาการทางผิวหนัง โดยการเชื่อมโยงช่องว่างระหว่างสภาวะทางอารมณ์และจิตใจกับสุขภาพโดยรวม การทำสมาธิมีประโยชน์มากมาย การทำสมาธิช่วยลดอารมณ์ด้านลบ      30 ปีที่ผ่านมามีการเติบโตแบบทวีคูณในงานวิจัยที่ตรวจสอบการฝึกสติและการทำสมาธิ โดยพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ถึงประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย รวมถึงความเครียดที่ลดลง ความกลัว ความกังวล และความวิตกกังวล ซึ่งมักเป็นสาเหตุของปัญหาผิวหนัง งานวิจัยใหม่จากมหาวิทยาลัยเชฟฟิลด์ที่รวมการศึกษาที่ผ่านมาพบว่าเทคนิคต่างๆ เช่น การทำสมาธิ การผ่อนคลาย และการบำบัดพฤติกรรมทางความคิด มีประโยชน์อย่างแท้จริงสำหรับผู้ที่มีปัญหาทางผิวหนัง เช่น โรคสะเก็ดเงิน กลาก สิว และโรคด่างขาว (ความผิดปกติของเม็ดสี)      ในการศึกษาหนึ่งคนที่เป็นโรคสะเก็ดเงินฟังเทปการทำสมาธิในขณะที่พวกเขาได้รับการรักษาด้วยแสงอัลตราไวโอเลต ผลที่ได้คือพวกเขาหาย เร็ว กว่าผู้ไม่ทำสมาธิสี่เท่า       การศึกษาระบุว่าการทำสมาธิช่วยลดความเครียด ที่เกิดจากโรคสะเก็ดเงินได้ตั้งแต่แรก และกระตุ้นความสามารถโดยธรรมชาติของร่างกายในการซ่อมแซมตัวเอง      ไม่ว่าจะเรื้อรังหรือไม่ก็ตาม ปัญหาผิวก็แย่ลงด้วยความเครียด ความเครียดที่ลดลงเท่ากับผิวที่ดีขึ้น  การทำสมาธิทำให้กระบวนการชราช้าลง        การนั่งสมาธิเพียงไม่กี่นาทีทุกวันจะนำพลังงาน (หรือที่เรียกว่าปราณ) เข้าสู่ร่างกายของคุณ และสร้างความรู้สึกสงบและผ่อนคลาย ในระหว่างการทำสมาธิ ปราน่าจะช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อและเซลล์ของร่างกายซึ่งช่วยให้ผิวเปล่งปลั่งสดใสและอ่อนเยาว์       นอกจากนี้ การหายใจอย่างมีสติขณะทำสมาธิจะเพิ่มออกซิเจนให้กับผิวหนัง ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการส่งเสริมสุขภาพของเซลล์ ออกซิเจนที่เพิ่มขึ้นนี้จะฟื้นฟูผิวของคุณ ปรับสมดุลของร่างกายและจิตใจ พร้อมเปลี่ยนเซลล์และเนื้อเยื่อของร่างกาย      ช่วยปรับปรุงผิวของคุณ ลดเลือนริ้วรอย และชะลอกระบวนการชราจากภายในสู่ภายนอก การทำสมาธิยังช่วยลดความดันโลหิตและความเจ็บปวดจากความตึงเครียด เช่น ปวดศีรษะ แผลในกระเพาะอาหาร นอนไม่หลับ ปวดกล้ามเนื้อ และปัญหาข้อต่อ ทำให้คุณดูอ่อนกว่าวัย การทำสมาธิช่วยเพิ่มความมั่นใจในตนเองและอารมณ์  ผิวของคุณเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับความรู้สึกมั่นใจในตนเอง เมื่อผิวของคุณดูดีขึ้น ความมั่นใจของคุณก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน    การฝึกสมาธิเป็นประจำจะเพิ่มความสามารถของสมองในการซ่อมแซมตัวเองและสร้างการเชื่อมต่อทางประสาทใหม่ เช่นเดียวกับกล้ามเนื้อ      วิถีประสาทเหล่านี้จะแข็งแรงขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปด้วยการฝึกฝน ส่งผลให้คนที่ทำสมาธิมีความสุขมากขึ้น ความสงบภายใน และความรู้สึกเป็นอยู่ที่ดีโดยรวม    การทำสมาธิยังช่วยเพิ่มการผลิตเซโรโทนินในสมองด้วยซึ่งจะทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นและอารมณ์ดีขึ้นอย่างแท้จริง   การทำสมาธิส่องแสงสว่างของคุณเหมือนเทียนและยิ่งนั่งสมาธิมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเปล่งประกายมากขึ้นเท่านั้น แท้จริงความสุขมาจากภายใน สู่ภายนอก  การทำสมาธิช่วยให้คุณมีทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ      การฝึกสมาธิจะทำให้คุณตระหนักรู้ถึงใจ ร่างกาย และสิ่งแวดล้อมรอบตัวคุณมากขึ้น สิ่งนี้นำไปสู่ความสามารถที่เพิ่มขึ้นในการหยุดชั่วคราว…

คิดไม่ออก ให้ออกจากความคิด

      ในวันๆ หนึ่งมนุษย์นั้นสามารถมีความคิดได้หลายร้อยเรื่องราว และสามารถเดินทางไปไกลในทุกมุมโลก ทั้งอนาคต ปัจุบัน และ อตีด       ความคิดเห็น นั้นคือ กิจกรรมทางจิตใจหรือทางปัญญาที่เกี่ยวข้องกับจิตสำนึกเฉพาะคน ความคิดยังอาจหมายถึงกระบวนการคิดหรือลำดับแง่คิด ในทำนองเดียวกัน กรอบความคิด หมายรวมถึง กระบวนการการรับรู้ การรับรู้ความรู้สึก ความมีจิตสำนึก และจินตนาการ การทำความเข้าใจถึงจุดกำเนิดที่เป็นรูปธรรมและนามธรรม กระบวนวิธี และผล ยังคงเป็นเป้าหมายที่นักวิชาการจำนวนมาก เช่น นักชีววิทยา นักปรัชญา นักจิตวิทยา และนักสังคมวิทยา ตั้งไว้ เนื่องมาจากความคิดนั้นเป็นหลักพื้นฐานรองรับการกระทำและปฏิกิริยาของมนุษย์      การคิดทำให้มนุษย์สามารถเข้าใจโลกหรือออกแบบชีวิตนี้ได้แตกต่างกัน ทั้งยังทำให้นำเสนอหรือแปลความหมายสิ่งต่างๆ ไปตามความหมายที่เขาเข้าใจ หรือเชื่อมโยงไปถึงความต้องการ ความปรารถนา ข้อผูกมัด วัตถุประสงค์ แผน และเป้าหมายของตนได้      หากวันหนึ่งเรารู้สึกกังวล คิดอะไรไม่ออก หรือความคิดนั้นมันทำให้เราเครียดจนปวดหัว วนไปวนมาทำให้ไม่มีสมาธิ เรามาลองออกจากความคิดนั้นกันดีกว่า      วิธีที่จะออกจากความคิด นั้นถือเป็นเรื่องที่ดูยาก แต่ก็ไม่ใช่ไม่มีวิธี การที่เราจะออกจากความคิดนั้นก็คือเราไม่ไปคิดมันต่อ ในเมื่อมันคิดไม่ออกแล้วเราจะไปคิดต่อทำไม เสียเวลาป่าว เราก็ออกจากความคิดโดย ทำจิตให้สงบ คือทำสมาธิแทน ทำใจโล่งๆ สบายๆ ผ่อนคลาย พอใจเราสงบ สบายใจแล้ว เดียวคำตอบที่หามาตั้งนาน ไม่ต้องเสียเวลาคิดแล้ว จะออกมาในใจของเรา       สมาธินั้นจะเป็นตัวช่วยสำคัญให้เราสามารถหยุดพัก เพื่อมีเวลาจัด เรียบเรียง ความคิดของเรา พอใจของเราได้พัก ก็จะมีสมาธิ มีสติ คิดอะไรก็จะหาวิธีการแก้ไข หาทางออกได้อย่างง่ายดาย  เพราะฉะนั้นสมาธิ สิ่งที่สำคัญที่จะมาช่วยเราอีกวิธีหนึ่ง “หากเรา คิดไม่ออก ให้ออกจากความคิด ทำใจให้สงบแล้วจะพบทางออก”