เมื่อใจใส ใจสบาย ทำอะไรก็สำเร็จ
ทุกๆวันเราพบเจอสิ่งต่างๆมามากมายตั้งแต่ตื่นนอนจนเข้านอนทำให้อารมณ์ของเรานั้นแปรปรวนและก็ทำให้ใจของเราจึงไม่ได้รับการพักผ่อนการพักผ่อนของใจมีหลายวิธีแต่จะมีวิธีใดที่จะทำให้ใจของเราผ่องใสสมาธิจึงเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการทำให้ใจของเราใสมากยิ่งขึ้นเราอาจจะสงสัยใจใสใจสบาย คืออะไร แล้วทำอย่างไร และสมาธิ ช่วยได้อย่างไร
ใจใสใจสบาย
คำว่า ใจใส นั่นหมายถึง ใจที่มีความผ่อง ไม่ขุ่นมัว คือไม่ขุ่นมัวเศร้าหมอง ไม่มีอารมณ์ที่หงุดหงิด คือใจที่มีสมาธิ เช่น จะชอบคิดแต่เรื่องดีๆ ชอบพูดแต่เรื่องดีๆ ชอบทำแต่สิ่งดีๆ แล้วก็มีความสุขสบายใจเบิกบาน นี้คืออาการของใจใส
ส่วนคำว่า ใจสบาย คือใจที่ไร้กังวลปลอดจากเรื่องต่างๆที่จะมาคอยเหนี่ยวรั้งใจให้ไม่ผ่องใส เช่น เมื่อมีปัญหาอุปสรรคใดๆ ก็ไม่ได้เครียดวิตกกังวลใจไปกับปัญหาเหล่านั้น แต่ใช้ใจที่สงบเย็น ประคองสติและสมาธิ และปัญหาต่างๆก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี เมื่อใจสบายแล้ว ใจก็จะใสสว่าง เป็นสมาธิอย่างต่อเนื่องเพราะไม่มีอะไรมาเหนี่ยวรั้งใจได้ ทั้งหมดนี้ก็สมดังคำว่า
“เมื่อใจใสใจสบาย ทำอะไรก็สำเร็จ”
แล้วทำอย่างไรให้ใจใส?
การจะทำให้ใจของเรา ใส นั้น ก็มีวิธีง่ายที่นำมาแนะนำ 2 วิธีง่ายๆ วิธีแรก ขอยกตัวอย่างมีแก้วน้ำอยู่ใบหนึ่ง ใส่น้ำที่มีฝุ่นดินลงไป ถ้าเราเขย่าหรือทำให้ภาชนะนั้นไม่อยู่นิ่ง น้ำก็ย่อมขุ่น จะมองอะไรที่ก้นภาชนะก็เห็นได้ไม่ชัดเจน แต่ถ้าเราตั้งภาชนะไว้นิ่งๆ ไม่ช้าไม่นาน ฝุ่นดินโคลนต่างๆก็ตกตะกอนนอนก้น น้ำก็ใสสามารถมองทะลุไปถึงก้นภาชนะได้เลยทีเดียว
ใจคนเราก็เหมือนกับน้ำ เรื่องขุ่นมั่วหมองใจทั้งหลายก็เหมือนกับดินฝุ่นโคลนตม ถ้าใจของเราขุ่นอยู่ก็เหมือนกับน้ำขุ่น วิธีทำให้ใจใส ก็คือ “ทำใจให้นิ่งๆ” นั้นก็คือ การทำใจของเราให้มีสมาธิ เพราะสมาธิเป็นวิธีที่ดีที่สุด ที่จะทำให้เรื่องขุ่นมัวทั้งหลายก็จะตกตะกอน และใจของเราก็จะใสสว่างได้อย่างง่ายๆ
ส่วนวิธีที่สองที่ทำให้ใจใสได้อีกก็คือ “การทำใจของเราให้มีความสุข คิดแต่สิ่งดีๆ” เพราะทันทีที่เรานึกถึงสิ่งดีๆ ใจจะมีความสุขนั้น พอใจเรามีความสุข ความสุข ก็จะส่งผลให้ใจค่อยๆใสสะอาด เรื่องหมองๆขุ่นมัวก็จะหายไปจากใจของเรา
ประโยชน์ของการมีใจใส
เมื่อใจใสก็เหมือนน้ำที่ใส น้ำที่ใสเราเห็นได้ทุกสิ่งทุกอย่าง น้ำขุ่นอาจมองไม่เห็นบางเรื่องบางอย่าง ใจที่ขุ่นก็มองไม่เห็นในบางเรื่องบางอย่างเช่นกัน ใจใสเห็นทุกปัญหา เมื่อเห็นปัญหาก็แก้ปัญหาได้ตรงประเด็น ช่วยให้แก้ปัญหาได้ง่ายขึ้น
1) สะอาด => พอใจ =>สบายใจ => มีความสุข => ใจผ่องใส
2) สะอาด => พอใจ =>สบายใจ => มีความสุข => ใจนิ่ง(ทำสมาธิ) => ใจใสแจ๋ว
ที่ใดสะอาด ใจของเราก็จะสบายๆ ใจเย็นๆ โดยอัตโนมัติเป็นที่มาของคำว่า “ใจใส” หรือ “จิตใจผ่องใส” คือใจที่ไม่มีปัญหา มีแต่ความพอใจ สบายใจ มีความสุข นั่นเอง
สมาธินับว่าเป็นสิ่งสำคัญที่ จะขัดเกลาจิตใจของเราใสสะอาดบริสุทธิ์ ได้ดีที่สุด ถ้าเรานั่งสมาธิทุกวัน ก็จะเป็นเหมือนการชำระใจของเราให้ค่อยๆ ใสทีละน้อยๆ และทำด้วยอารมณ์ที่ สบาย ทุกวัน เมื่อเราใจใส ใจสบาย ทำอะไรก็สำเร็จ ได้อย่างง่ายๆ สบายๆ