ผลวิจัยพบคลื่นสมองสุดพิเศษจากการทำสมาธิ

ใครว่าการควบคุมการทำงานของสมอง สภาวะอารมณ์ และความคิดในจิตใจ จะไม่สามารถทำได้ เผยวิธีสร้างประสิทธิภาพการทำงานของสมองด้วยการทำสมาธิ ที่คุณก็สามารถทำได้
คลื่นสมอง คือ การแกว่งขึ้นๆ ลงๆ อย่างเป็นจังหวะของแรงดันไฟฟ้าอย่างหนึ่ง ระหว่างส่วนต่างๆ ของสมอง จนเป็นผลให้เกิดกระแสการไหลของไฟฟ้าขึ้น ซึ่งสภาวะของคลื่นสมอง หรือก็คือกิจกรรมทางไฟฟ้าที่เกิดขึ้นภายในช่วงความถี่หนึ่งๆ ที่เป็นที่รู้จักกันมากที่สุด มีอยู่ 4 สภาวะด้วยกัน ได้แก่ คลื่นสมองระดับเบต้า (Beta), อัลฟา (Alpha), ธีต้า (Theta), และ เดลต้า (Delta) และผลการวิจัยยังพบคลื่นสมองชนิดคลื่นแกมม่า (Gamma) ซึ่งเกิดขึ้นได้ยาก แต่คลื่นสมองชนิดพิเศษนี้เกิดขึ้นได้จากการทำสมาธิ
ซึ่งระดับความถี่ของคลื่นสมองของเรานี้เอง ที่เป็นตัวกำหนดระดับจิตสำนึก/ความตระหนักรู้ ซึ่งนำพาไปสู่การมี “อารมณ์” หรือ “ความคิด” แบบใดแบบหนึ่งตามมาด้วย หรือพูดง่ายๆ ก็คือ ระดับจิตสำนึก/ความตระหนักรู้ ถูกกำหนดโดยคลื่นสมองในขณะนั้นๆ นั่นเอง

จากการศึกษาคลื่นสมองของคนเราในอดีต เคยเชื่อกันว่า คลื่นสมอง และสารที่หลั่งจากสมองนั้น เป็นสิ่งที่มนุษย์ไม่สามารถบังคับหรือควบคุมได้ แต่ปัจจุบันได้มีการทดลอง และตรวจวัดคลื่นสมองด้วยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ พบว่ามนุษย์สามารถควบคุมคลื่นสมองและสารที่หลั่งจากสมองได้ หากมีการฝึกฝนทางจิตหรือทำสมาธิ ให้ควบคุมสภาวะอารมณ์และจิตใจได้ สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องเหนือธรรมชาติหรือเร้นลับหาคำอธิบายไม่ได้แต่กลับ “เป็นเรื่องที่ทุกคนสามารถฝึกฝนได้ ในขณะที่เราดำเนินชีวิตประจำวันตามปกติ”
มีการทดลองเพื่อตรวจวัดสแกนสมอง ด้วยวิธีที่ก้าวหน้าที่สุด ของบรรดาผู้เชี่ยวชาญการทำสมาธิภาวนา โดยคุณแดเนียล โกลแมน ร่วมกับ คุณริชาร์ด เดวิดสัน ในห้องทดลองของมหาวิทยาลัยวิสคอนซิน
ผลที่ได้น่าสนใจมาก เช่น เขาพบว่าคลื่นสมองของนักภาวนาเหล่านี้ต่างจากคนทั่วไป ข้อค้นพบที่อาจจะสำคัญที่สุดจากการศึกษาครั้งนี้ เป็นเรื่องเกี่ยวกับคลื่นสมองชนิดแกมมา ซึ่งปกติสมองจะผลิตคลื่นแกมมาออกมาเพียงช่วงสั้นมากๆ เช่น เมื่อแก้ปัญหายากๆ สำเร็จ หรือผ่านพ้นเรื่องที่วิตกมาเป็นเดือนๆ ในสถานการณ์เช่นนี้ สมองจะผลิตคลื่นแกมมาออกมาเพียงครึ่งวินาที

ที่น่าประหลาดใจก็คือ ผู้เชี่ยวชาญการทำสมาธิภาวนาเหล่านี้ สมองของพวกเขามีคลื่นแกมมาสูงมาก และต่อเนื่องตลอดเวลา ไม่ว่าจะทำอะไรอยู่ ไม่ใช่แค่ระหว่างการปฏิบัติภาวนาหรือทำสมาธิ แต่เหมือนเป็นสภาวะจิตปกติของพวกเขาเลย ซึ่งแวดวงวิทยาศาสตร์ไม่เคยพบอะไรเช่นนี้มาก่อน เมื่อสอบถาม ท่านบอกว่ามันเป็นสภาวะพิเศษมาก เป็นความรู้สึกที่แผ่กว้างไร้ขอบเขต พร้อมรับทุกสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ที่ทดลองต่างบอกว่า ไม่อาจเข้าใจได้ รู้แค่เพียงมันเป็นสิ่งที่พิเศษมากๆ
ผลวิจัยนี้ทำให้เห็นถึงความมหัศจรรย์ของสมาธิ แม้เราอาจมองว่าเป็นการทำสมาธิระดับสูงเป็นเรื่องไกลตัว แต่แท้จริงแล้วในคนทั่วไปเอง ก็สามารถฝึกฝนให้สมองทำงานอยู่ในช่วงคลื่นระดับที่ 2 หรืออัลฟ่าเป็นประจำ ซึ่งคลื่นความถี่ชนิดนี้จะเกิดขึ้น เมื่อสบายใจ ในเวลาจดจ่อกับกิจกรรมใดๆ อย่างต่อเนื่องระยะเวลาหนึ่ง หรือเข้าสมาธิในระดับไม่ลึกมาก ถือว่าเป็นช่วงที่ดีที่สุดที่สมองเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว มีความคิดสร้างสรรค์ เป็นสภาวะที่จิตมีประสิทธิภาพสูง ร่างกายจะไม่ทำงานอยู่บนฐานแห่งความกลัว หรือวิตกกังวล แต่จะมองชีวิตอย่างสนุกสนาน มีความรู้สึกอยากเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ มีความผ่อนคลาย และมีปิติสุข

ช่วงคลื่นอัลฟ่ายังเป็นประตูพัฒนาไปสู่การทำสมาธิในระดับลึกขึ้น คือระดับช่วงคลื่นเธต้า ระดับพฤติกรรมภายใต้ความถี่ของของคลื่นเธต้าเป็นลักษณะที่บุคคลคิดคำนึงเพื่อแก้ปัญหา พบได้ทั้งลักษณะที่จิตรู้สำนึกและจิตไร้สำนึก ปรากฏออกมาเป็นความคิดสร้างสรรค์ เกิดความคิดหยั่งเห็น มีความสงบทางจิต และมองโลกในแง่ดี เกิดสมาธิแน่วแน่ และเกิดปัญญาญาณ มีศักยภาพสำหรับความจำระยะยาวและการระลึกรู้
เราได้เรียนรู้แล้วว่า ขณะที่สมองทำงานอยู่ในช่วงคลื่นอัลฟ่า เธต้า หรือยิ่งช่วงคลื่นความถี่ที่สูงขึ้น จะช่วยให้เรายิ่งผ่อนคลายและมีประสิทธิภาพสูงขึ้น แต่เมื่อสภาวะปัจจุบันเกือบทุกสิ่งรอบตัว ต่างเต็มได้ด้วยความเร่งด่วน และดึงความสนใจออกไปนับตั้งแต่ลืมตาตื่นขึ้น สมองของคนส่วนใหญ่จึงทำงานอยู่ในเฉพาะช่วงคลื่นเบต้าเป็นหลัก เชิญทุกท่านมาลองพิสูจน์เปลี่ยนคลื่นสมองด้วยสมาธิใน คอร์สสมาธิออนไลน์กลั่นใจให้เป็นสุข เรียน 7 วันต่อเนื่อง ฟรีตลอดหลักสูตร ไม่เสียค่าใช้จ่าย