อะไรคือความสุขที่แสวงหา
เราทุกคนล้วนแล้วแต่อยากจะมีความสุข แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่า…ความสุขที่แสวงหาคืออะไร แล้วอะไรที่จะเป็นความสุขที่จะอยู่กับเราตลอดไป
หลายๆ คนอาจคิดว่า….หากได้เป็นมหาเศรษฐี มีหน้าที่การงานที่ดี มีเพื่อนที่ไว้ใจ มีครอบครัวที่อบอุ่น มีแต่คนที่เรารักอยู่ลายล้อม ได้ใช้ชีวิตอย่างที่อยากจะเป็น ชีวิตคงจะมีความสุข
…แต่แล้วชีวิตก็ไม่ได้ง่ายเช่นนั้น บ่อยครั้งที่เราก็ยังคงเห็นการฆ่าตัวตายของดารา มหาเศรษฐี บุคคลที่มีชื่อเสียง ในหน้าข่าวต่างๆ ฉะนั้นแล้ว การมีทุกอย่างพร้อม…ก็คงยังไม่ใช่คำตอบของชีวิต
เพราะไม่ว่าจะรวยหรือจน สูงศักดิ์หรือต่ำศักดิ์ แม้ว่ามองดูจากภายนอก คนที่ร่ำรวยกว่าเราน่าจะมีความสุข แต่แท้จริงแล้วไม่ว่าจะอยู่ในชนชั้นใด ก็ยังมีทุกข์ในแบบของชนชั้นนั้นๆ การแสวงหาจึงไม่เคยจบสิ้นเลย ความสุขที่เราแสวงหาเหล่านี้ ไม่เคยอยู่ยั่งยืนเลย
เมื่อวันที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสรู้ธรรม พระองค์ทรงค้นพบต้นเหตุที่ทำให้คนทุกคนในโลก รวมถึงสรรพสัตว์ทั้งหลาย ต้องคอยแสวงหา และเกิดความทุกข์อยู่ร่ำไป ซึ่งต้นเหตุนั้นก็เกิดจากกิเลสที่มีอยู่ภายในใจ
เพราะถูกโลกใบนี้หล่อหลอมมายาวนาน ทุกชีวิตจึงแสวงหาสิ่งต่างๆ ไปตามกระแสโลก ตามกิเลสที่อยู่ภายในใจ แม้แต่ความคิดต่างๆ ก็ถูกสั่งสมมาเรื่อยๆ ใจดวงนี้จึงไม่เคยหยุดนิ่งเลย แต่แท้ที่จริงแล้ว ใจดั้งเดิมของมนุษย์เป็นใจที่สว่าง สงบ ผ่องใส และเบาสบาย
ความสุขที่ทุกคนแสวงหา..จึงไม่ได้อยู่ที่ไหนไกล เพราะความสุข ความทุกข์ ทั้งหลายล้วนมาจากใจของเรา การสร้างความสุขจึงเริ่มต้นได้ด้วยการสร้างจากใจของเรา
เราคงไม่เคยคิดว่า ความสุขที่เกิดจากใจที่สงบ ความสุขที่เกิดจากใจที่ชุ่มเย็น ความสุขเหล่านี้จะให้ความสุขที่มากกว่า และเป็นสุขที่ไม่ต้องมีเงื่อนไขใดๆ เพียงแต่ต้องให้โอกาส ให้เวลากับตัวเราในการฝึกสมาธิ ทำใจของเราให้หยุดให้นิ่ง ให้ใจของเรากลับไปสู่ภายใน กลับไปสู่จุดดั้งเดิมที่เป็นอยู่
แล้วจะค้นพบด้วยตัวเราเองว่า สุขที่เกิดจากใจที่สงบ สุขที่ไม่ต้องพึ่งพาสิ่งใดเป็นอย่างไร เพียงแค่หมั่น “กลั่นใจให้เป็นสุข” เติมสุขให้ใจวันละนิดด้วยสมาธิ แล้วเราจะยืนยันด้วยตัวเราได้ว่า พุทธพจน์ที่ว่า “นตฺถิ สนฺติ ปรํ สุขํ” แปลความหมายว่า “ความสุขอันยิ่งกว่าความสงบย่อมไม่มี” นั้น เป็นความสุขที่แท้จริงที่มีอยู่ภายในตัวของเรา